ก่อนอื่นต้องของเล่าเกี่ยวกับเรื่องต้นกำเนิดของ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ สักเล็กน้อย คือ เม็ดมะม่วงหิมพานต์เป็นพืชมาจากประเทศบราซิล (ทวีปอเมริกาใต้) และได้แพร่กระจายไปแหล่งอื่นๆทั่วโลก สำหรับทวีปเอเชียก็เช่นกันได้รับการแพร่กระจายในศตวรรษที่ 16 โดยชาวโปรตุเกส ได้นำเมล็ดของเม็ดมะม่วงหิมพานต์มาปลูกที่ประเทศอินเดีย และได้ขยายการปลูกพืชชนิดนี้สำหรับการค้า การขายสำหรับในประเทศอินเดีย ศรีลังกา และมาเลเซีย ตลอดจนประเทศไทยตอนใต้เช่นกัน
การเดินทางของ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ สู่ประเทศไทย
และในประเทศไทยได้ถูกนำเม็ดมะม่วงหิมพานต์มาปลูกในพื้นที่เทศาภิบาลจังหวัดตรัง ในปีพ.ศ. 2444 โดยพระยารัษฏานุประดิษฐ์ มหิศรภักดีผลปรากฏว่า การปลูกเม็ดมะม่วงหิมพานต์นี้ได้รับการตอบรับที่ดีจากชาวบ้าน และได้ขยายการปลูกไปทั่วประเทศในเวลาต่อมา แต่เรามักจะพบเห็นการเพาะปลูกเม็ดมะม่วงหิมพานต์ได้มากในภาคใต้ และในช่วงหลังจะมีการปลูกมากในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คือจังหวัดสุรินทร์, ศรีษะเกษ ตลอดจนภาคเหนือตอนล่างเช่นจังหวัดอุตรดิตถ์ ด้วยเช่นกัน
ชื่อ “เม็ดมะม่วงหิมพานต์” หรือ “มะม่วงหิมพานต์” ในแต่ละท้องที่ก็มีชื่อเรียกที่แตกต่างกันเช่น
ภาคกลางจะเรียกว่า มะม่วงไม่รู้หาว หรือ มะม่วงกุลา หรือ มะม่วงลังกา เป็นต้น สำหรับภาคใต้ ก็มีชื่อเรียกที่แตกต่างกันไปเช่น กาหยู, กาหยี, ท้ายล่อ, หัวครก เป็นต้น และภาคตะวันออกเฉียงเหนือมักเรียกพืชชนิดนี้ว่า หมากม่วงหิมพานต์ หรือมะม่วงกาสอสำหรับชาวอุตรดิตถ์ ไม่ว่าจะเรียกว่าอย่างไร “มะม่วงหิมพานต์” เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง รูปทรงเป็นพุ่ม กว้างประมาณ 4-10 เมตร และจะให้ผลเทียม ขนาดประมาณ 5-12 ซม. และผลจะเป็นสีเขียวเมื่อยังอ่อน แต่เมื่อแก่จะเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อ หรือสีชมพู (ตามแต่ละสายพันธุ์) และมีรสชาติหวานอมฝาด สำหรับผลจริง (รูปร่างคล้ายไต ห้อยติดด้านล่างของผลเทียม) เรียกว่า “เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ หรือเม็ดมะม่วงหิมพานต์” โดยมีลักษณะความยาวประมาณ 3 ซม.เท่านั้น แตมีเปลือกหุ้มผลหนาประมาณ 2-3 มม. ซึ่งเม็ดมะม่วงหิมพานต์ดังกล่าวนี้ เราจะต้องนำมาผ่านกระบวนการต่างๆ เพื่อให้ได้เม็ดมะม่วงหิมพานต์ที่คุณชื่นชอบต่อไป
ขั้นตอนการผลิต เม็ดมะม่วงหิมพานต์
- ขั้นตอนที่ 1. นำเม็ดมะม่วงหิมพานต์ที่มีคุณภาพมา ตากแดดประมาณ 3-4 วันให้แห้งสนิท
- ขั้นตอนที่ 2. นำเม็ดมะม่วงหิมพานต์ที่ผ่านการตากแดดแล้ว มาต้มน้ำเดือด 15 นาทีและพักทิ้งไว้ ในอุณหภูมิห้องอีก 12 ชั่วโมง
- ขั้นตอนที่ 3. ผ่าเปลือกโดยการกะเทาะเปลือกแข็งด้วยเครื่องกะเทาะเปลือก ซึ่งขั้นตอนนี้จะใช้บุคลากรที่มีทักษะคุ้นเคย จะทำให้เกิดการเสียหายน้อยที่สุด
- ขั้นตอนที่ 4. นำเม็ดมะม่วงหิมพานต์ที่ผ่านการกะเทาะเปลือกแข็งแล้ว เข้าตู้อบลมร้อนอีก 9-10 ชั่วโมง (หรือตากแดดไว้ 3-4 วัน) เพื่อป้องกันการติดเชื้อราหรือมอด ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการสูญเสียคุณภาพ
- ขั้นตอนที่ 5. ลอกเยื่อหุ้มเมล็ดใน (เยื่อแดง) ที่ติดกับเมล็ดออกให้หมด
- ขั้นตอนที่ 6. นำเข้าตู้อบลมร้อนอีกครั้ง ประมาณ 30 นาที (หรือตากแดด 1 วัน)
- ขั้นตอนที่ 7. คัดแยกตามขนาดมาตรฐานที่กำหนด
จากที่กล่าวประวัติถิ่นกำเนิดเบื้องต้นของมะม่วงหิมพานต์ โดยเริ่มจากประเทศบราซิล (ทวีปอเมริกาใต้) และถูกเผยแพร่ออกไปทั่วโลก รวมทั้งภาคพื้นเอเชียด้วยเช่นกัน และภาคพื้นทวีปนี้ก็เป็นแหล่งเพาะปลูกของมะม่วงหิมพานต์หลักด้วยเช่นกัน สำหรับประเทศเพื่อนบ้านที่มีการเพาะปลูกและผลิตเม็ดมะม่วงหิมพานต์ในปริมาณมากๆ รวมถึงผลิตเพื่อการส่งออกเม็ดมะม่วงหิมพานต์ด้วย เช่นประเทศ อินเดีย, ประเทศเมียร์มา, ประเทศกัมพูชา หรือประเทศเวียดนาม เช่นกัน
เพราะฉะนั้นการเลือกสรรเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ทั้งเพื่อการผลิตสำหรับจัดจำหน่าย หรือเพื่อการบริโภคจึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เรา ภัทรภร โฮมเมด เลือกใช้เม็ดมะม่วงหิมพานต์ที่ปลูกจากประเทศไทยเท่านั้น ทั้งนี้เราเชื่อมั่นในสายพันธุ์บ้านเรา ทั้งขนาดเมล็ดที่ใหญ่ และให้รสชาติหวานแบบธรรมชาติ รวมถึงการเลือกผลผลิตที่กระเทาะใหม่ สด เท่านั้น นอกจากนี้เรายังเป็นหนึ่งในห่วงโซ่อุปทาน ที่สนับสนุนเกษตรกรไทย นำผลผลิตทางการเกษตรมาแปรรูปและจัดจำหน่ายเม็ดมะม่วงหิมพานต์ คาราเมล (สูตรไร้น้ำมัน) ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย จากเกษตรกรไทยสู่ตลาดโลกเช่นกัน
สนใจ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ คาราเมล (สูตรไร้น้ำมัน) ติดต่อเราได้ที่นี่
มหพันธุ์ โทร : +668 1831 2060
FB : Pattarapornshop.Online
Email : msuppasri@gmail.com
LINE : mahapant
WhatsApp : +668 1831 2060